จุดจบโกษาปาน


นับเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่ทุกคนรู้จักกันดี
สำหรับ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) หรือ ออกพระวิสุทธิสุนธร ราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ที่เดินทางไปเจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
ท่านเป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมของสมเด็จพระนารายณ์
และเป็นน้องชายของ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) แม่ทัพคนสำคัญของกรุงศรีอยุธยา

โกษาปานเดินทางไปกับเรือฝรั่งเศสเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2228 ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
เมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 และเดินทางกลับเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2230
รวมเดินทางไปกลับอยุธยาฝรั่งเศสทั้งหมด 1 ปี 9 เดือน

หลังสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ พระเพทราชา เจ้ากรมพระคชบาล
ขึ้นครองราชย์ต่อโดยสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวงเป็นราชวงศ์ใหม่ โกษาปานได้รับราชการต่อมาในราชวงศ์ใหม่
สำหรับเรื่องราวการเสียชีวิตของโกษาปาน สมาชิกพันทิป ‘ศรีสรรเพชญ์’ ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ ระบุว่า

เรื่องเจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) หรือ โกษาปานถึงแก่อสัญกรรม มีระบุในจดหมาย
ของบาทหลวงกาเบรียล โบรด์ (Gabriel Braud) รองประมุขมิสซังสยาม
ส่งถึงบาทหลวงบริซาซิเยร์ (Jacques-Charles de Brisacier) ผู้อำนวยการคณะมิสซังต่างประเทศ กรุงปารีส
เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1700 (พ.ศ.2243) มีเนื้อหากล่าวถึงการลงอาญาและประหารชีวิตขุนนาง
ที่ส่งไปปราบกบฏที่เมืองนครราชสีมาจำนวนมาก รวมถึงมรณกรรมโกษาปานซึ่งถึงแก่อสัญกรรม
ไปก่อนหน้าสองเดือนแล้ว (แก้การสะกดคำเป็นแบบปัจจุบัน)

“เจ้าพระยาพระคลังหาได้อยู่ในจำพวกขุนนางที่ถูกประหารชีวิตไม่ เพราะได้ตายเสียก่อนสองเดือนมาแล้ว
เขาพูดกันว่าที่ตายนี้ก็เพราะถูกเฆี่ยนตายทั้งเสียใจที่ตัวต้องถูกเฆี่ยนและถูกลงอาญาบ่อยๆ ด้วย
เพราะเมื่อ 4 ปีมาแล้วพระเจ้าแผ่นดินทรงกริ้วขึ้นมาก็ได้เอาพระแสงดาบตัดปลายจมูกเจ้าพระยาพระคลัง
ตั้งแต่นั้นมาเจ้าพระยาพระคลังก็ต้องรับพระราชอาญาเรื่อยมา เพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงไว้พระทัยเสียแล้ว
ก่อนที่เจ้าพระยาพระคลังจะตายนั้นบุตรสาวคนใหญ่คน 1 บุตรชายสองสามคนกับภรรยาน้อยของเจ้าพระยาพระคลัง
ได้ถูกจับไปและถูกชำระ จึงได้เกิดลือกันว่าเจ้าพระยาพระคลังมีความเสียใจนักจึงได้เอามีดแทงชายโครงฆ่าตัวเองตาย

การที่เจ้าพระยาพระคลังตายนี้พระเจ้าแผ่นดินก็ออกตัวได้ดี ได้ทรงแกล้งทำเสียพระทัยว่าเจ้าพระยาพระคลัง
ได้ถึงอสัญกรรมเสียแล้ว จึงได้โทษว่าหมอจีนซึ่งเปนผู้รักษาเจ้าพระยาพระคลังได้เอายาพิษให้เจ้าพระยาพระคลัง
รับประทานจึงได้พระราชทานรางวัลโดยให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนหมอคนนั้นและให้เฆี่ยนทั้งหลังและท้องด้วย
เวลากลางคืนได้ยกศพเจ้าพระยาพระคลังไปฝังไว้ยังวัดหาได้มีการทำบุญให้ทานอย่างใดไม่และมิได้ทำการศพให้สมกับเกียรติยศ
ซึ่งต้องมีการแห่ศพไปไว้ยังโรงทึมและเผาตามธรรมเนียม นี่แหละเปนสิ้นชื่อของอัครราชทูตสยาม
ที่ได้ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส และเปนอัครมหาเสนาบดีของพระเจ้าแผ่นดินสยามองค์ปัจจุบันนี้ด้วยออกญาพิพัฒน์ผู้ช่วยของเจ้าพระยาพระคลังซึ่งเปนคนอัธยาศัยดีคงทำการให้พระเจ้าแผ่นดินโปรดอยู่เสมอ
แต่ออกญาพิพัฒน์ก็พูดอยู่เสมอว่ามิช้ามิเร็วก็คงจะถูกเหมือนอย่างคนทั้งหลายเหมือนกัน”

ถ้าอ้างอิงตามจดหมายนี้ เจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) ถึงแก่อสัญกรรมประมาณเดือนมิถุนายน ค.ศ.1700
หลักฐานของบาทหลวงฝรั่งเศสอีกคนคือ จดหมายของบาทหลวงเคเมอเน (Quémener)
ถึงบาทหลวงถึง เดอ ตอร์ซี (de Torcey) ลงวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1701 (พ.ศ. 2244)
ระบุว่าเจ้าพระญาศรีธรรมราชถูกเฆี่ยนจนตาย แต่ช่วงเวลาไม่ตรงกับจดหมายของบาทหลวงโบรด์
เพราะระบุว่า “เจ้าพระยาพระคลังคนที่เคยไปฝรั่งเศสนั้นได้ถูกเฆี่ยนตายเมื่อเดือนพฤศจิกายน
ปีกลายนี้แล้ว” หมายความว่าท่านถึงแก่อสัญกรรมในเดือนพฤจิกายน ค.ศ. 1700
แต่หลักฐานร่วมสมัยของดัตช์กล่าวต่างกันเล็กน้อย ตามรายงานของกิเดโยน ตันต์ (Gideon Tant)
หัวหน้าบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ในกรุงศรีอยุทธยาเวลานั้นส่งไปถึงสำนักงานที่เมืองปัตตาเวีย
ระบุว่าเจ้าพระญาศรีธรรมราชถูกลงโทษขังไว้ในพระราชวังหลวงจนป่วยหนัก และถึงอสัญกรรมในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.1699 ตันต์ตั้งสมมติฐานว่ากบฎเมืองนครราชสีมานั้นมีบุคคลในราชสำนักแอบสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
โดยมีจุดประสงค์จะล้มสมเด็จพระเพทราชาลงจากราชสมบัติ แล้วยกเจ้าพระขวัญซึ่งเป็นโอรสของพระองค์
กับเจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาเทพพระราชธิดาของสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นครองบัลลังก์แทน
โดยเชื่อกันเจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาเทพกับเจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
จึงนำมาสู่การกวาดล้างขุนนางในราชสำนักอย่างรุนแรงในช่วงนั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณสรรเพชร จากกระทู้พันทิพ

แสดงความคิดเห็น