“ไปไหว้พระนอน ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลให้ชีวิต ที่อยุธยา”


หลายๆท่านเคยมาท่องเที่ยวอยุธยา หลายๆท่านเป็นคนอยุธยา
แต่ก็อีกหลายๆท่าน ยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว
ทางจังหวัดอยุธยานั้น มีพระนอนอยู่หลายวัด

ซึ่งตามความเชื่อแล้วการกราบไหว้พระนอน ของแต่ละวัดนั้นจะมีพุทธคุณ
ในด้านที่แตกต่างกันออกไป และวันนี้แอดมินจะพาทุกท่าน
“ไปไหว้พระนอน ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เสริมสิริมงคลให้ชีวิต ที่อยุธยา”

ตามแอดมานะคะว่ามีวัดอะไรบ้างแล้วแต่ละวัดหากเราไปไหว้แล้ว มีความหมายอย่างไร

พระนอนวัดโลกยสุทธา อำเภอพระนครศรีอยุธยา

พระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา และเป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช พระราชบิดาเจ้าสามพระยา ราว พ.ศ.1995 มีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สุดของ อำเภอพระนครศรีอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง องค์พระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูน ขนาดยาว 42 ม. สูง 8 ม. มีดอกบัวเกยซ้อนรองรับพระเศียรแทนพระเขนย สันนิษฐานว่าแต่เดิมเป็นพระพุทธรูปไม่ทรงเครื่อง แต่การบูรณะใน พ.ศ.2499 คงมีการแก้พระเศียรเป็นอย่างพระพุทธรูปทรงเครื่อง รอบองค์พระมีเสาอิฐ 8 เหลี่ยม รวม 24 ต้น ซึ่งแต่เดิมคงจะมีการสร้างวิหารครอบพระพุทธไสยาสน์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้พังทลายลงเมื่อใด

ถ้าใครได้มาสักการะ ถือว่าจะได้ความเมตตามหานิยม

การเดินทาง : วัดตั้งอยู่ใกล้เจดีย์พระศรีสุริโยทัย ใช้เส้นทางถนนหลังพลับพลาตรีมุข (ถนนเลียบคลองท่อ) ในบริเวณพระราชวังโบราณ ผ่านวัดวรโพธิ์ และวัดวรเชษฐาราม

 

อยุธยา เที่ยวอยุธยา

พระนอนวัดสามวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา
เป็นพระพุทธไสยาสน์ศิลปะผสมผสานระหว่างอยุธยาและสุโขทัย ตามประวัติกล่าวว่า ในพงศาวดาร เรียกว่า “วัดสามพิหาร” เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ซึ่ง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาตอนต้น แต่พุทธลักษณะคล้ายได้รับอิทธิพลแบบสุโขทัย ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสามวิหาร” เนื่องจากแต่เดิมมีทั้งหมด 3 วิหาร คือ วิหารพระนอน วิหารพระนั่ง และวิหารพระยืน ปัจจุบันเหลือเพียง 2 วิหาร คือ วิหารพระนอน และวิหารพระนั่ง เท่านั้น สันนิษฐานว่าสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของวัดนี้ ถูกทำลายเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดแห่งหนึ่งที่พม่าเลือกเป็นชัยภูมิในการ ตั้งฐานทัพ เมื่อครั้งยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุง

ถ้าใครได้สักการะ ถือว่าจะได้ความเมตตามหานิย

การเดินทาง : ตั้งอยู่ที่บ้านคลองบางขวด ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยาจากสี่แยกวัดราชประดิษฐานตรงไปตามทาง เส้นทางวัดอินทราราม – เพนียดคล้องช้าง จากวัดอินทรารามไปประมาณ 900 ม. วัดสามวิหารจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ โทรศัพท์ 0 3525 2361

อยุธยา เที่ยวอยุธยา

พระนอนวัดธรรมิกราช อำเภอพระนครศรีอยุธยา

วัดที่สร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าคงจะสร้างในสมัยเดียวกันกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร ต่อมามีการสร้างพระวิหาร ซึ่งตามประวัติกล่าวว่า สร้างโดยพระมเหสีในสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เนื่องจากทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากพระราชธิดาทรงหายจากอาการประชวรแล้ว จะสร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ถวาย องค์พระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูน มีความยาวประมาณ 12 ม. กลางฝ่าพระบาททำตามคติมหาปุริสลักษณะ โดยทำเป็นรูปจักรปูนปั้นนูนออกมาจากฝ่าพระบาทตามความงามของคติ ช่าง นอกเหนือจากชมความงามขององค์พระนอนแล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมนำน้ำพระพุทธมนต์ในพระวิหารนี้กลับไปบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องจากเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก

ถ้าใครได้มาสักการะ ถือว่าจะได้เมตตามหานิยม สุขภาพแข็งแรงเพราะพระพุทธไสยาสน์นี้สร้างขึ้นด้วยอานิสงส์แห่ง แรงอธิษฐาน

การเดินทาง : วัดตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระราชวังหลวง บนถนนอู่ทอง ตั้งอยู่ติดกับวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางได้สองเส้นทางคือถนนนเรศวรเข้าทาง หลังวัด และถนนอู่ทองเข้าทางหน้าวัด

พระนอนวัดใหญ่ชัยมงคล อำเภอพระนครศรีอยุธยา

ไหว้พระนอน ณ วัดที่มีเจดีย์องค์ใหญ่ที่สูงที่สุดในอยุธยา เป็นวัดที่มีเจดีย์ทรงระฆังองค์ใหญ่ สัญลักษณ์แห่งชัยชนะขององค์สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช เดิมชื่อสำนักสงฆ์ป่าแก้ว ที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง องค์ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้สถาปนาพระวิหารให้เป็นพ ระอารามใน พ.ศ. 1900 โดยพระราชทานชื่อใหม่ว่า “วัดป่าแก้ว” ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศ และเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในศึกยุทธหัตถี โดยทรงพระราชทานนามว่า “เจดีย์ชัยมงคล” พร้อมกันนั้น ได้ทรงโปรดฯ ให้สร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพื่อเป็นที่ถวายสักการะและบูชาพระปฏิบัติกรรมฐาน ปัจจุบันวิหารแห่งนี้หลงเหลือเพียงเสาสองต้นและกำแพงบางส่วนหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่

ถ้าใครได้มาสักการะ ถือว่าจะได้เรื่องการอภัยทาน เมตตามหานิยม

การเดินทาง วัดตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก จากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยา เลี้ยวซ้ายตรงเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน) ตรงไปประมาณ 1 กม. จะพบวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ โทรศัพท์ 0 3524 4193

 

พระนอนวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา

วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ทางด้านหลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม เป็นวัดโบราณเดิมชื่อ “วัดเสื่อ” มีวิหารพระพุทธไสยาสน์ อยู่ติดกับพระเจดีย์องค์ใหญ่ ซึ่งพระวิหารนี้สร้างขวางกับแนวพระอุโบสถ พระพุทธไสยาสน์เป็นศิลปะแบบอยุธยา ประกอบด้วยศิลาเป็นท่อน ๆ นำมาเรียงต่อกันแล้วสลักเป็นองค์พระมีขนาด ยาว 14.2 เมตร แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระมหาธาตุ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างวิหารพระนอนขึ้นในวัด แล้วอัญเชิญพระพุทธไสยาสน์จากวัดมหาธาตุมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้

ถ้าใครได้มาสักการะ ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและประสบความโชคดี

การเดินทาง เมื่อเข้าเกาะเมืองลงสะพานปรีดี ถึงไฟแดงเลี้ยวขวาตรงไปสุดถนนถึงถนนสายหนึ่งจะมีป้ายบอกไปวัดเสนา สนารามราชวรวิหาร ซึ่งมีทางเข้า 2 ทาง คือ บริเวณตำบลหัวรอ ด้านหน้าติดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ส่วนทางเข้าวัดอีกทางบริเวณ ถนนสายหนึ่ง หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 0 3525 1518,0 3525 1680

 

เที่ยวอยุธยา อยุธยา

พระนอนวัดพนมยงค์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา

วัดพนมยงค์ หรือวัดแม่นมโยง เป็นนามของแม่นมของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้ปฎิบัติดี มีใจสัตย์ซื่อและยึดถือคุณธรรมในการดำเนินชีวิต เมื่อหมดอายุขัยลงพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น จึงได้โปรดเก้าฯให้สร้างวัด อุโบสถและวิหารพระนอนองค์ใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของกรุงเก่า ริมคลองเมือง เยื้องหน้าโรงเรียนประตูชัย ตำบลท่าว่าสุกรี (ในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา) สันนิษฐานว่าสร้างพระนอนองค์ใหญ่ทำด้วยปูนปั้นสวยงาม พุทธลักษณะละม้ายไปทางสุโขทัย เพราะพระศกท่านคล้ายก้นหอยขม และเข้าใจว่าแม่นมยงค์น่าจะเกิดวันอังคารจึงได้สร้างพระนอนองค์ ใหญ่ไว้ประจำวัด เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดีงามของแม่นมยงค์

ถ้าใครได้มาสักการะ ถือว่าจะได้เรื่องโชคลาภและหายจากการเจ็บป่วย

การเดินทาง ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของกรุงเก่า ริมคลองเมือง เยื้องกับโรงเรียนประตูชัย โดยใช้เส้นทางหลวงอยุธยา – อ่างทอง วัดพนมยงค์อยู่ก่อนถึงวัดภูเขาทอง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ 035242135

พระนอนวัดพุทไธศวรรย์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา

พระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยา ที่แสดงลักษณะพระบาทเหลื่อม สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ราว พ.ศ.1896 ในบริเวณ “เวียงเหล็ก” หรือ “เวียงเล็ก” ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับเดิมของพระองค์ ภายในบริเวณมีวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่เพียงผนังและกรอบหน้าต่างบางส่วน และองค์พระพุทธไสยาสน์ก่อด้วยอิฐถือปูน ซึ่งมีพุทธลักษณะพิเศษ คือ เป็นหนึ่งในพระพุทธไสยาสน์ของอยุธยาเพียงไม่กี่องค์ที่แสดงลักษณะ การวางพระบาทเหลื่อม อันเป็นลักษณะเบื้องต้นของการคลี่คลายพุทธลักษณะให้คล้ายคนธรรมดา

นอกจากนั้นพระพาหา และพระกรที่พับวางราบด้านหน้า ในลักษณะหงายพระหัตถ์เพื่อรองรับพระเศียรนั้น เป็นรูปแบบที่นิยมมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ลพบุรี อู่ทอง แตกต่างจากพระนอนในอิทธิพลศิลปะสุโขทัยที่พบในเขตเกาะเมืองอยุธยา ซึ่งมักจะตั้งพระกรขึ้นและหงายพระหัตถ์รองรับพระเศียรอยู่บนพระเขนย จึงนับเป็นตัวอย่างในการศึกษาพุทธศิลป์ในสมัยอยุธยาที่น่าสนใจ อย่างยิ่ง

ถ้าใครได้มาสักการะ ถือว่าจะได้เรื่องเมตตามหานิยม ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

การเดินทาง วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งใต้ ตรงข้ามกับเกาะเมือง ใช้เส้นทางสาย อยุธยา – เสนา ข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชวรวิหาร เลี้ยวซ้ายไปทางวัดไชยวัฒนาราม จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ไปจนถึงทางแยกเข้าวัดพุทไธศวรรย์ โทรศัพท์ 0 3524 2555

แสดงความคิดเห็น