วันนี้แอดมินจะพาไปเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวท่องเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญอีกหนึ่งที่ของอยุธยา ที่ต้องบอกว่าห้ามพลาดกับการมาเซลฟี่เลยนะคะ
วัดพระงาม หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่าวัดแห่งประตูกาลเวลา ที่นี่มีจุดเด่นตรงความงดงามของประตูกาลเวลา ที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาค้นหาความงดงามของสถานที่แห่งนี้ การเดินทางมาวัดพระงามก็ไม่ยากมากนะคะ คือให้ยึดหลักที่วัดหน้าพระเมรุ จากนั้นขับตรงไปตามถนนรอบๆวัดหน้าพระเมรุนั่นแหละค่ะ ดูป้ายที่เขียนบอกทางไปวัดศรีโพธิ์
จากนั้นขับตามป้ายวัดศรีโพธิ์ไปเลยนะคะ ขับไปจนถึงประตูหน้าวัดศรีโพธิ์ จากนั้นจะเห็นป้ายเล็กๆบอกทางไปประตูกาลเวลา (เลี้ยวซ้าย) ตรงหน้าประตูวัดและขับตามทางที่มีป้ายบอกไปเรื่อยๆก็จะหาเจอค่ะ
เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับป้ายที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของวัดนี้ค่ะ มาค่ะเราเดินเข้าไปชมความงดงามกันค่ะ
บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างสงบ ไม่วุ่นวายดีค่ะ เข้ามาแล้วรู้สึกได้ถึงความลึกลับน่าค้นหา แอดค่อนข้างที่จะชอบมากค่ะ วัดนี้สงบเงียบ ถ่ายรูปได้สบายใจดี 😂😂😂ความงดงามของอดีตที่ยังคงหลงเหลือให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆได้ชม เราต้องช่วยกันดูแลละอนุรักษ์ไว้จนถึงรุ่นลูกหลานสืบต่อกันไปนะคะ
ประวัติวัดพระงาม
นายชัยพฤกษ์ สิมบุตร อายุ 59 ปี อดีตสารวัตรกำนัน อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 4 ต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ดูแล กล่าว่า วัดพระงาม วัดพระงามหรือวัดชะราม การศึกษาทางโบราณคดีทราบว่า วัดนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นและถูกทิ้งร้างไปเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา ทางด้านทิศเหนือ วัดหันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก มีเจดีย์แปดเหลี่ยมเป็นประธานของวัด ด้านหน้าหรือด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ประธานเป็นอุโบสถ มีกำแพงแก้วละคูน้ำล้อมรอบวัด สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดมีร่องรอยการบูรณปฏิสังขรณ์มาแล้วหลายครั้ง นับเป็น Unseen แห่งใหม่ของอยุธยา
จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ซุ้มประตูที่ถูกรากของต้นโพธิ์ปกคลุมมาเป็นร้อยๆปี ไฮไลท์ของวัดนี้ คือช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ดวงอาทิตย์จะตกลงผ่านช่องซุ้มประตู บวกกับแสงสีส้มทองที่สาดออกมา และในตอนเช้า พระอาทิตย์ได้สาดส่องผ่านซุ้มประตูเข้ามาภายในพระอุโบสถถึงเจดีย์แปดเหลี่ยม ซึ่งในขณะนี้ทางกรมศิลปากรยังไม่มีผู้ดูแลอย่างเป็นทางการ จึงมอบหมายให้ตนให้ช่วยดูแลเก็บกวาด ไม่ให้หญ้ารกร้าง ไปก่อน ตนจึงเต็มใจที่จะอนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้ไว้ เพราะใจรักและหวงแหนในโบราณสถานแห่งนี้ ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเที่ยวชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับโบราณสถานแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวันหยุด และวันนักขัตฤกษ์ แต่ถ้านักท่องเที่ยวถ้าอยากถ่ายภาพให้สวยๆต้องช่วงระหว่างเดือนกันยายน กับเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว แสงจะสวยงามมาก และมีหมอกปกคลุมสวยงาม