ข้อมูล : รีวิวร้าน The Old Place อยุธยา และที่เดินเล่นใกล้ๆ เมื่อ ธันวาคม 2560 เป็นช่วงที่น้ำลงแล้ว และร้านกำลังปรับปรุงทั้งการบริการและสถานที่ ใครที่เคยไปก่อนอาจไม่เหมือนรีวิวนี้บ้าง หรือไปหลังอาจได้พบอะไรใหม่ๆ ดีกว่า อนาคตคาดว่าคงมีรีวิวอัพเดตกันอีกที **รูปเยอะหน่อย
เป็นวันที่อากาศดีๆ หลังจากเสร็จงานจาก กทม. จึงอยากหนีกรุงไปพักผ่อนเบาๆ จึงเลือกเอาที่อยุธยา และเคยเห็นมาว่ามีร้านหนึ่ง ซึ่งมีเอกลักษณ์อันเป็นเปลที่ยื่นไปริมแม่น้ำให้นอนชิลล์ๆ ดูน่าสนใจ ไม่รอช้าจึงติดต่อหาเพื่อนสอบถามข้อมูล โดยในตอนแรกดูจากอากู๋ ก็สงสัยว่า ร้าน Love To Eat’ ดิโอลเพลส ‘Ayutthaya กับ The Old Place Guest House เป็นที่เดียวกันหรือเปล่า (สรุปที่เดียวกัน) และยังได้ข้อเสนอดีๆ มาผ่าน เพจท่องเที่ยวดังแห่งนี้
การเดินทาง แรกๆ ก็คิดว่าร้าน ออกมานอกๆ เมืองหน่อย แต่ปรากฏว่า อยู่บนถนนอู่ทองในเมืองเลยเชียว (จับ GPS ไป The Old Place Guest House เจอแน่นอน) และด้วยความที่อยู่ในเมืองมาก แนะนำว่าจอดหน้าร้านอาจต้องวัดดวง ถ้าเลยมานิดเดียว ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ข้างๆ ตลาด หรือในซอยหอรัตนไชยที่อยู่ตรงกันข้าม ข้างในมีที่จอดรถสะดวกกว่า (ไม่เช่นนั้น ก็โทรแจ้งทางร้านล่วงหน้าให้ช่วยดู)
เราเดินทางกันมาเป็นครอบครัว ด้วยการไม่ค่อยได้ทำการบ้านละเอียดนักเสร็จจากงานแล้วรีบเดินทาง มาถึงร้านก็เป็นช่วงค่ำๆ เดินผ่านด้านหน้าที่เป็น Guest House เข้ามา (ตอนไปแรกๆ รู้สึกไม่แน่ใจเพราะอยู่ในช่วงปรับปรุง) แต่พอเข้ามาด้านใน ก็มั่นใจ พร้อมเสียงเพลงจากนักร้องหนุ่มผู้มีกีต้าร์คู่กาย บรรเลงเพลงสมัยนิยมอยู่ (ทางร้านแจ้งด้วยว่าก่อนหน้านี้ไม่มี ช่วงนี้มี ศ, ส, อา และอาจมีทุกคืนในอนาคต) บรรยากาศบอกเลยว่านี่ถ้าใกล้บ้านมานั่งจิบเบียร์บ่อยแน่!!
มีรูปบรรยากาศให้ดูกันอีกล่างๆ แต่ขอมาถึงส่วนสำคัญของพวกเราค่ำนี้สักหน่อย ที่นี่คนมักจะคิดว่าแค่มาชิลล์ แต่ไม่ใช่เลย อาหาร – เครื่องดื่มที่นี่ ทั้งมีความครีเอทีฟ และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างเช่นจานแรกนี้ ทางร้านบอกว่า ต่างชาติก็ถูกใจไม่แพ้เรา นั่นคือ “พิซซ่า ผัดไทย!!”
อาจเป็นเมนูที่ดูต่างจิตต่างใจ แต่สำหรับเรามันลงตัวอย่างน่าประหลาด ข้อเสียเดียวที่พบคือ ถ้ากินคนเดียวเจอเมนูเข้าไปก็คงอิ่มมากกกก
เมนูต่อมาที่ถูกใจผมมาก เพราะกินเล่นได้เพลินเลยเชียวคือ “ไข่เจียวดิโอเพลส” ลักษณะเป็นไข่ม้วนปรุงด้วยเครื่องเทศไทยๆ เช่นใบมะกรูดซอย เครื่องแกงนิดหน่อย อร่อยลงตัวไม่มีความเลี่ยนให้ได้รู้สึก
เมนูต่อมาขาดไม่ได้เมื่อมาอยุธยา ก็ต้องมากินกุ้งด้วย “กุ้งมะขาม” คือเมนูที่เลือกสำหรับคืนนี้ ไม่ต้องบรรยายว่าความได้กินกุ้งสดๆ ราดด้วยน้ำปรุงมะขาม เปรี้ยวหวานทานง่ายแบบนี้ ให้ทายว่ากี่นาทีหมดจาน
เมนูสุดท้ายที่อาจไม่แปลกใหม่ แต่หนึ่งในทีมเรามีความอยากทาน คือน้ำพริกกะปิปลาทู ที่ดูธรรมดาเพียงแต่ว่าจะหาอร่อยๆ ได้ก็ไม่ง่ายเลย
ก็ต้องขอเวลาทานกันไปสักหน่อย
ร่ำลามื้อค่ำราตรีนี้ที่ริมแม่น้ำด้วย เรนโบว์ ค๊อกเทลสูตรพิเศษ เครื่องดื่มชนิดเดียวที่ลงได้เพราะไม่มียี่ห้อ (ฮ่า)
และเราค้างคืนกันที่นี่เลย บางส่วนปรับปรุง บางส่วนยังเปิดให้สำรองบริการ ให้ข้อมูลนิดหนึ่งว่า อยู่ในช่วงปรับปรุงหลายๆ อย่างแม้แต่ทีมงาน ล่าสุดเห็นว่ากำลังทำแพให้เดินเล่นด้านล่าง นี่ก็เป็นอีกอย่างที่เพิ่มเติม รีวิวของเราตอนนี้ถือว่ายังไม่อัพเดตเท่าไหร่นะเนี่ย.. จบคืนนี้ด้วยรูปบรรยากาศกันอีกที
เช้าอีกวันด้วยบรรยากาศที่ดีมากกกก กับการที่ได้ตื่นมารับแดดอ่อนๆ ริมน้ำ (ใครมีบ้านริมน้ำอาจเฉยๆ) แต่สำหรับผมบังเอิญไม่เคยตื่นมาเจอแบบนี้คือ ดีงาม..
ร้านช่วงเช้ามีแดดส่องเข้ามา สายๆ อาจร้อนหน่อยและร้านอาหารยังไม่เปิดอยู่แล้ว ช่วงหลังเที่ยงไปจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าคบหา ทั้งเปล และความพร้อมของทางครัว ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับลูกค้าที่จะมาทานอาหารอยู่แล้ว
ช่วงเช้านี้เราจึงเดินพากันไปเดินเล่น แบบไม่ง้อรถ ดังนี้ขอแยกส่วน One Day Trip ของเราไปตอน 2 เดินเที่ยวใกล้ๆ (วัดมหาธาตุ สถานีรถไฟ หลวงพ่อคอหัก) ในตอนนี้ขอว่าด้วยร้านอย่างเดียวก่อนแล้วกัน (ตอน 2 อยู่ระหว่างอัพเดต)
แน่นอนว่าเดินเที่ยวกลับมาก็เป็นเวลากิน ดังนี้อย่ารอช้า ไปทานมื้อกลางวันกันเลยดีกว่า
เมนูเพิ่มเติมสำหรับเที่ยงนี้ เริ่มที่ กุ้งเผา ที่เราไม่อยากจะพลาด แน่นอนว่ากุ้งสดๆ เผามีความหวานอยู่ในตัว แต่ถ้าใครชอบกินกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด ก็ไม่ผิดหวัง เปรี้ยว หวาน เผ็ด กำลังดี
เมนูต่อมา ปลาทับทิมสามรส กับเนื้อปลาทับทิมที่นุ่ม ทอดให้ข้างนอกกรอบ ราดด้วยน้ำจิ้ม 3 รส กินคู่กับเมนูถัดไป..
แกงป่ากระดูกอ่อน ที่แนะนำโดยทางร้านเนื่องด้วยว่า ต้มยำเราก็เบื่อ แกงส้มก็ไม่รู้อะไรดี เลยลงตัวที่แกงป่าหม้อนี้ รสชาติพอดีๆ ไม่เผ็ดมาก (ใครชอบเผ็ดมากก็สั่งได้) กับข้าวสวยร้อนๆ แกล้มกุ้ง ปลาไปอีกด้วยนะ พิมพ์ไปน้ำลายไหลตาม
พลาดไม่ได้เพราะผมชอบ เลยเอามาให้ดูกันอีกทีกับ ไข่เจียวดิโอลเพลส ที่ผมชอบโดยส่วนตัวดังที่บอก กินเล่นก็ได้ กินจริงก็ดี
ร่วมด้วยเมนูนี้ที่มีคนขอมาอีกรอบเช่นกัน พิซซ่าผัดไทย สั่งมาทำให้ฝรั่งโต๊ะข้างๆ ต้องออเดอร์ตามเลยทีเดียว
อาหารรวมๆ สำหรับมื้อนี้
ปิดท้ายกับของหวานสองถ้วย ฟักทองเชื่อมน้ำกะทิ ที่ไม่ต้องบรรยายความอร่อย และความครีเอทของ น้องคิง เชฟผู้สร้างสรรค์หลากหลายเมนูของหวานและเครื่องดื่ม
และแน่นอน ไปดูเครื่องดื่มกันบ้าง อย่างบลูเบอรี่ปั่น ที่นางแบบเรานางหยิบไปนั่งสร้างภาพแบบทีเล่นแต่กินจริง ชิลล์จริงบนเปลสบายไป
อิตาเลี่ยนโซดา ก็มาให้ดับร้อนผ่อนคลาย
ตบท้ายด้วยลาเต้ร้อนของผมเอง
ทั้งหมดนี้คงต้องช่วยเจ้าของร้านที่มาบริการและบอกเล่าว่า ร้านจะเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง ทั้งสถานที่และอาหาร รวมถึงบรรยากาศยามค่ำคืน ใครที่เคยมาก็แวะเวียนกันมาลองใหม่ ใครไม่เคยก็ไม่ควรพลาดต้องมีโอกาสสักครั้ง
หวังว่าคงมีโอกาสได้รีวิว ดีๆ ให้ได้ชมกันอีก อย่างไรก็ติชมกันได้นะครับ
Photo & Story by พ่อน้องเจแปน