พกแบงค์ร้อยห้าใบ ไปเที่ยวอยุธยา


สวัสดีค่ะวันนี้ Admin จะพาเพื่อนๆมา เที่ยวอยุธยา ด้วยงบ 500 บาทกันค่ะเรามาดูกันว่าในจำนวนเงิน 500 บาทนั้นเราสามารถไป เที่ยวอยุธยา ตรงไหนกันได้บ้าง แต่เดี๋ยวก่อนนะคะวันนี้และต้องบอกก่อนเลยว่าแอดจะตั้งต้นจากสถานีรถไฟซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะใช้สถานที่นี้ในการเป็นจุดเริ่มต้นของการมา เที่ยวอยุธยา และเดี๋ยวบทความครั้งหน้าจะตั้งจากนู่นเลยค่ะหมอชิตเลย แต่ในบทความนี้มาตามแอดเริ่มต้นจากสถานีรถไฟกันไปก่อนนะคะ

สถานีรถไฟอยุธยา

เรามาเริ่มต้นด้วยการลงรถไฟไม่ว่าคุณจะมาจากสายเหนือสายอีสานหรือจากกรุงเทพก็ตามนะคะคุณสามารถมาลงที่สถานีรถไฟอยุธยาได้เลย เมื่อลงที่สถานีรถไฟอยุธยาแล้วให้คุณเดินตรงลงมายังถ้าน้ำถ้าไม่รู้จักถามคนแถวนั้นก็ได้ค่ะ เราจะลงมาที่ท่าน้ำเพื่อขึ้นเรือ 5 บาท ข้ามฟากมาฝั่งเกาะเมืองอยุธยากันค่ะ ซึ่งเมื่อเราข้ามฟากมาแล้วคราวนี้เราก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการเช่ารถสัก 1 คันเพื่ออำนวยความสะดวกในการตระเวน เที่ยวอยุธยา รอบเมืองในวันนี้กันค่ะ

และร้านที่แอร์จะแนะนำก็คือร้าน December House เมื่อเราขึ้นจากเรือจะเจอร้านเลยนะค่ะ ร้านที่ 2 ร้านสีเหลืองชื่อ ดีเซมเบอร์ เฮ้าส์ ส่วรายละเอีดการเช่ารถก็ตามนี้เลยนะคะ

บริการเช่ารถมอเตอร์ไซค

รายวัน 07:30-18:00 =200 บาท

24 ชั่วโมง (ค้างคืน) = 300 บาท

เอกสารการเช่า>>ใช้บัตรประชาชนตัวจริง 1 ใบ ค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม 085-4214442 , 082-2383138 ค่ะ

มาค่ะเมื่อเราได้รถมอเตอร์ไซค์ไว้แว้น เที่ยวอยุธยา กันแล้วคราวนี้เราก็จะเริ่มต้นกันด้วยการกินก๋วยเตี๋ยวเรือรองท้องก่อน ที่ต้องพาไปชิมก่อนเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องยังไงล่ะคะเราจะไปเริ่มกันด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็กที่อยู่ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุนะคะ ก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็กจำหน่ายอยู่ที่ราคาชามละ 15 บาท ต่อคนประมาณ 2-3 ชามก็อิ่มค่ะรวมค่าน้ำด้วยเบ็ดเสร็จจะอยู่ไม่เกิน 70 บาท รวมค่าเช่ารถกับค่าข้ามเรือเมื่อครูก็ 5+200+70 = 275 บาทค่ะ

เมื่อกองทัพที่ต้องเดินด้วยท้องพร้อมแล้วเราก็จะมาเริ่มต้นที่จุดแรกวัดมหาธาตุกันเลยค่ะ

ซึ่งก็ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็กนั่นเองค่ะ การเข้าชมโบราณสถานวัดต่างๆในอยุธยาคนไทยจะเสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาทค่ะ  (285 )

วัดมหาธาตุ มีสิ่งที่โดดเด่น คือ  เศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีใน รากไม้  โดยเศียรพระพุทธรูป เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแค่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป และเป็นเศียรพระพุทธรูปเป็น ศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุม ทำให้มีความ งดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและ เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติค่ะ

เที่ยวอยุธยา ท่องเที่ยวอยุธยา แนะนำที่เที่ยว แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว

ออกจากวัดมหาธาตุแล้วก็มุ่งตรงมายังวัดราชบูรณะได้เลยค่ะอยู่ไม่ไกลกันมากถ้าตั้งต้นจากหน้าวัดมหาธาตุให้วัดมหาธาตุอยู่ซ้ายมือมองตรงไปข้างหน้าก็จะเจอกับวัดราษฎร์บูรณะเลยค่ะ ที่นี่เราก็จะเสียค่าเข้าชม 10 บาทเหมือนเดิมค่ะ (295 )

วัดราชบูรณะ

วัดราชบูรณะสร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ในบริเวณพื้นที่และตำแหน่งเดิมที่พระองค์ได้ทรงถวายพระเพลิงศพให้กับเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา พระเชษฐาทั้งสองพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ภายในหลังจากการกระทำยุทธหัตถี เพื่อแย่งชิงราชสมบัติของสมเด็จพระนครอินทราธิราชพระราชบิดาที่เสด็จสวรรคตลงในปี พ.ศ. 1967

ในปี พ.ศ. 1967 สมเด็จพระนครินทราธิราชเสด็จสวรรคตโดยที่ยังมิได้สถาปนาพระมหาอุปราชผู้เป็นรัชทายาทครอบครองกรุงศรีอยุธยา เมื่อเจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยาทราบข่าวการสวรรคต จึงยกกองทัพเข้ากรุง เพื่อชิงราชสมบัติสืบแทนพระราชบิดา ทั้งสองพระองค์ยกทัพมาเวลาเดียวกันพอดี เจ้าอ้ายพระยาตั้งทัพอยู่ใกล้วัดพลับพลาไชย ป่ามะพร้าว เจ้ายี่พระยาตั้งทัพอยู่ใกล้วัดชัยภูมิ ป่ามะพร้าว แล้วทั้งสองพระองค์ก็เคลื่อนทัพเข้าสู้กัน บริเวณสะพานป่าถ่านในปัจจุบัน ทั้ง 2 พระองค์ทรงพระแสงของ้าวฟันต้องพระศอขาดพร้อมกันทำให้สวรรคตพร้อมๆกัน เจ้าสามพระยาซึ่งไม่ได้มาร่วมด้วย จึงเสด็จจากเมืองชัยนาท ขึ้นครองราชย์ในกรุงศรีอยุธยา แทนพระราชบิดาทันที มีพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราช ที่ 2 เมื่อเจ้าสามพระยาทรงขึ้นครองราชย์แล้ว จึงจัดการถวายเพลิงพระศพ พระเชษฐาธิราชทั้งสองพระองค์พร้อมกัน สถานที่ที่ถวายพระเพลิงนั้น ก็ทรงอุทิศสร้างพระปรางค์และพระวิหาร มีนามว่า เจดีย์เจ้าอ้ายพระยาเจ้ายี่พระยา

โบราณสถานสำคัญของวัดราชบูรณะ

พระปรางค์ทองคำในกรุวัดราชบูรณะ  : พระปรางค์วัดราชบูรณะมีกรุใหญ่และลึก กรมศิลปากรทำการขุดเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2500 ในปัจจุบันเปิดให้เข้าไปชมกรุได้ตามปกติ กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะมีทั้งหมด 4 ห้องใหญ่ๆ เรียงกันลงไปแนวดิ่ง โดยชั้นล่างสุดอยู่ในแนวระดับพื้นดิน

พระปรางค์วัดราชบูรณะ

เมื่อออกจากวัดราชบูรณะเราไปไหว้พระขอพรหลวงพ่อโตกันที่วิหารมงคลบพิตร แล้วก็เดินเลยเข้าไปชมเจดีย์วัดพระศรีสรรเพชรซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของอยุธยาถ้ายังไม่ได้มาที่นี่เรียกว่ายังมาไม่ถึงอยุธยากันเลยทีเดียว และอีกเช่นเดิมที่นี่ก็จะเสียค่าเข้าชมอีก 10 บาทค่ะ (305)

วิหารพระมงคลบพิตร เป็ดวัดอารามหลวงตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดเด่นที่สำคัญคือเป็นวัดเก่าแก่ในเขตกำแพงเมือง ที่ได้รับการบูรณะอย่างดี ภายในวิหารมีพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ที่เสียหายตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด ด้วยทองสำริดหุ้มทองตามปัจจุบัน

วิหารพระมงคลบพิตร

วัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดที่น่าสนใจที่สำคัญคือเจดีย์ทรงลังกา จำนวนสามองค์ที่วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก สร้างขึ้นเป็นองค์แรกทางฝั่งตะวันออก เมื่อปี พ.ศ. 2035 โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระราชบิดา) ต่อมาในปี พ.ศ. 2042 ก็ทรงให้สร้างเจดีย์องค์ต่อมา (องค์กลาง) ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเชษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) และเจดีย์ฝั่งตะวันตกของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 ก็ทรงสร้างเจดีย์อีกองค์ในฝั่งทิศตะวันตกให้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระราชบิดา รวมเป็นสามองค์ตามปัจจุบัน

วัดพระศรีสรรเพชญ์

เมื่อออกจากวัดพระศรีสรรเพชญ์แล้วคราวนี้เราจะไปต่อกันที่ถนนคนเดินกรุงศรีซึ่งตั้งอยู่บริเวณศาลากลางหลังเก่านั่นเองค่ะ ตรงจุดนี้ก็จะมีของกินของใช้ของที่ระลึกต่างๆจัดจำหน่ายอยู่อย่างมากมายก็ขึ้นอยู่กับเราค่ะว่าจะใช้จ่ายอย่างไรค่ะ

เดินเล่นที่ตลาดกรุงศรีกันมาพอสมควรแล้วเราจะไปต่อกันที่ Landmark สุดสวยอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั่นก็คือวัดไชยวัฒนารามค่ะ การเดินทางก็ไม่ยากค่ะใช้ถนนเส้นเดียวกับตอนที่เราขับมายังตลาดกรุงศรีให้เราขับตรงไปเรื่อยๆสังเกตโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

ขับไปตามถนนหน้าโรงพยาบาลอยุธยาจนไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำที่อยู่ทางซ้ายมือเราจะข้ามสะพานนั้นลงไปตามป้ายไปได้เลยนะคะ

จะมีป้ายบอกทางว่าวัดไชยวัฒนารามไปทางไหน แต่ถ้าไม่แน่ใจเมื่อเราข้ามสะพานแล้วให้เราเลี้ยวซ้ายตรงเซเว่นแรกค่ะ ขับตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอกับวัดไชยวัฒนาราม อยู่ด้านซ้ายมือ ซึ่งที่นี่เราก็จะเสียค่าเข้าชม 10 บาทเหมือนเดิมค่ะ (315)

หลังจากกลับจากวัดไชยวัฒนารามแล้วให้เราใช้ถนนเส้นเดิมหรือที่ชาวอยุธยาเรียกกันว่าถนนสายโรตีซึ่งตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อโรตีสายไหมกลับบ้านไปฝากญาติพี่น้องได้นะคะ

จากจุดนี้ไปเราก็พร้อมจะเตรียมตัวกลับหรืออาจจะแวะทานข้าวตรงบริเวณตลาดเจ้าพรหมก่อนก็ได้นะคะ ราคาอาหารจานด่วนที่นี่ถือว่าไม่แพงราคาจะอยู่ระหว่าง 30 ถึง 35 บาทต่อจานเท่านั้นค่ะ

เมื่อเราคืนรถแล้วก็จะข้ามฝั่งแล้วนั่งรถไฟกลับบ้านเห็นไหมเขาว่าแบงค์ร้อย 5 ใบเที่ยวอยุธยาใน 1 วันยังเหลือกลับบ้านเลยค่ะ

Admin ขอแนะนำเลยนะคะถ้ามีโอกาสอยากให้มาเที่ยวชมโบราณสถานวัดต่างๆในอยุธยาเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้เรารักประเทศไทยให้เรารักเมืองไทยให้มากยิ่งขึ้นถ้าเราเป็นคนไทยแล้วเราไม่เที่ยวเมืองไทยก็คงจะเป็นการยากที่จะเรียกร้องให้ชาวต่างชาติมาเที่ยวบ้านเราเยอะๆเพราะขนาดเราเองยังไม่เที่ยวบ้านเราเลยจริงไหมคะ

 

แสดงความคิดเห็น