ช่วงนี้ใกล้เทศกาลเข้าพรรษา การเดินทางท่องเที่ยวกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นวิถีของคนไทยอยู่แล้วเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ สำหรับคนที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับการทำบุญไหว้พระไปพร้อมๆกับการท่องเที่ยวพักผ่อน วันนี้เรามี ทัวร์อิ่มบุญ ไหว้พระ5 วัด พร้อมประวัติและความเป็นมาของวัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา มาแนะนำค่ะ
- วัดท่าการ้อง
วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา อายุกว่า 470 ปี เคยเป็นที่ตั้งค่ายของกองทัพพม่าในช่วงก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 เป็นวัดที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับชุมชนมุสลิม 2 หมู่บ้าน คือ บ้านท่า และ บ้านการ้อง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่สันนิษฐานว่า ถูกสร้างขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองมีความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น คือ “พระพุทธรัตนมงคล” หรือ “หลวงพ่อยิ้ม”
- วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา เดิมชื่อ “วัดกษัตรา” หรือ “วัดกษัตราราม” เป็นวัดที่พม่าใช้เป็นที่ตั้งปืนใหญ่เพื่อใช้ยิงเข้ามาในพระนคร ภายหลังวัดได้ชำรุดทรุดโทรมลงไปและถูกปล่อยทิ้งร้าง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดกษัตราธิราชวรวิหาร ซึ่งเชื่อกันว่าใครอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ให้มากราบไหว้ “พระปรางค์” ซึ่งเป็นพระประธานภายในโบสถ์ของวัดแห่งนี้
- วัดพุทไธศวรรย์
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยาความสำคัญคือเป็นวัดที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว ๓ ปี โดยจุดที่น่าสนใจของวัดแห่งนี้ก็คือ วัดแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาสักการะขอพร คือ องค์พ่อจตุคามรามเทพ และพระบรมรูป “พระมหากษัตริย์ 5 พระองค์” คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณวัด
- วัดใหญ่ชัยมงคล
เป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า “วัดป่าแก้ว” หรือ “วัดเจ้าพญาไท” สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมา สมเด็จพระนเรศวรทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้น หลังงทรงได้รับชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาแห่งพม่า พระเจดีย์องค์นี้มีชื่อว่า พระเจดีย์ชัยมงคล ซึ่งชาวบ้านเรียกติดปากกันว่าพระเจดีย์ใหญ่ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันมีชื่อเรียกใหม่ว่า วัดใหญ่ชัยมงคล
- วัดพนัญเชิงวรวิหาร
คำว่า “พนัญเชิง” มีที่มาจากคำว่า “พแนงเชิง” ซึ่งมีความหมายว่า “นั่งขัดสมาธิ” โดยหมายถึงเป็นวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย คือ “หลวงพ่อโต” ซึ่งเป็นพระประธานของวัดแห่งนี้ที่เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยชาวจีนนิยมเรียกว่า “หลวงพ่อซำปอกง” โดยตำนานเล่าว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกในครั้งที่2 พระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำพระเนตรไหลออกจากดวงพระจักษุทั้งสองข้างจรดพระนาภี ซึ่งถือเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก จึงทำให้ชาวบ้านมีความเคารพนับถือมากและ ใครที่มีโอกาสได้ไปกราบไหว้พระพุทธรูปองค์นี้ ยังเชื่อว่าสามารถช่วยให้ทำมาค้าขายดี กิจการเจริญรุ่งเรืองอีกด้วยค่ะ