วัดบรมพุทธาราม จ.พระนครศรีอยุธยา


วัดบรมพุทธาราม

วัดบรมพุทธาราม

วัดบรมพุทธาราม ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะเมือง ใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มีฐานะเป็นพระอารามหลวงฝ่ายคามวาสี ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาระบุว่าสมเด็จพระเพทราชา โปรดเกล้าให้สถาปนาวัดนี้ขึ้นในบริเวณย่านป่าตอง อันเป็นนิวาสสถานเดิมเมื่อปีพ.ศ 2232

โดยโปรดเกล้าให้สร้างกำแพงแก้วพระอุโบสถพระวิหารการเปรียญเสนาสนะ กุฏิวัดนี้ใช้เวลาสร้าง 2 ปีจึงแล้วเสร็จ เจ้าอธิการซึ่งนิมนต์เข้ามาอยู่นั้นตั้งให้เป็นพระราชาคณะชื่อพระญาณสมโพธิ​

ปัจจุบันพื้นที่ของวัดไม่ปรากฏแนวกำแพงเป็นขอบเขต ในส่วนพระอุโบสถพระวิหารและการเปรียญมุงหลังคาด้วยกระเบื้องเคลือบทำให้แปลกใจกว่าวัดอื่น จึงเรียกกันว่าวัดกระเบื้องเคลือบ

การมุงหลังคากระเบื้องเคลือบสีเหลืองแกมเขียวนี้ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์โปรดเกล้าให้มุงหลังคาพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญะมหาปราสาทในพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์และวิหารกลางในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุจังหวัดลพบุรี เมื่อครั้งสมเด็จพระเพทราชารับราชการเป็นเจ้ากรมช้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ คงเห็นหลังคากระเบื้องเคลือบสีแบบนี้ จึงโปรดเกล้าให้มุงหลังคากระเบื้องเคลือบที่วัดนี้

ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีหลักฐานว่า โปรดเกล้าให้บูรณะวัดนี้ครั้งหนึ่งและโปรดเกล้าให้ทำบานประตูประดับมุก สำหรับพระอุโบสถเพิ่มขึ้น ต่อมามีการนำบานประตูมุกนี้ไปติดตั้งที่หอมณเฑียรธรรม(ประตูกลางด้านตะวันตก)​ ในวัดพระศรีรัตนศาสดารามกรุงเทพคู่หนึ่ง

บานประตูที่หอมณเฑียรธรรมนี้เป็น(บานประตูประดับมุกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นงานฝีมือประดับมุกอันยอดเยี่ยม)​ ที่วัดเบญจมบพิตรกรุงเทพคู่หนึ่ง ส่วนอีกคู่หนึ่งมีผู้นำไปตัดทำเป็นตู้ใส่หนังสือ ตู้ใบนี้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ส่งได้มาและประทานแก่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร เมื่อกรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งวัดบรมพุทธาราม ได้พบกระเบื้องเคลือบสีเหลืองรูปครุฑหน้าสิงห์ รูปเทพพนม เคลือบสีเหลืองแกมเขียวเดิมคงติดประดับอยู่ที่พระเจดีย์ซุ้มประตูหน้าโบสถ์

โบราณสถาน ประกอบด้วยพระอุโบสถ ประธานของวัดก่ออิฐถือปูนหันหน้าไปทางทิศเหนือ มีการเจาะช่องหน้าต่างทุกห้อง มีประตูด้านหน้า 3 ประตูด้านหลัง 2 ประตูมีมุกหน้าหลังและมีซุ้มประตูปูนปั้น เป็นรูปพระจุฬามณี

พระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นก่ออิฐถือปูนฐานอาคารแอ่นโค้งแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย สอดคล้องกับลักษณะของใบเสมาที่เป็นใบเสมาหินทรายขนาดเล็ก มีตัวเหงากระจกตรงเอวเสมา ที่ยังไม่เป็นกาบสูงเหมือนเสมารุ่นหลัง และมีแถบเส้นกลางขนาดใหญ่เท่าขอบเสมาแบบใบเสมาอยุธยาตอนปลายรุ่นแรก

รอบนอกพระอุโบสถ มีซากฐานตั้งใบเสมารวม 8 ใบ มีกำแพงรอบพระอุโบสถทั้ง 4 ด้านมีประตูกำแพงด้านละ 2 ประตู นอกจากนี้ยังมีการเจาะช่องรูกากบาทประดับบริเวณผนังกำแพงแก้ว ซึ่งพบมากในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย

ภายนอกกำแพงแก้วด้านในพระอุโบสถ มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอยู่ 2 องค์ นอกจากนี้ยังมีวิหารไม่ทราบลักษณะอาคารที่ชัดเจน เนื่องจากมีสภาพที่พังทลาย มีประตูใหญ่ด้านละ 1 ประตู ประตูด้านข้างใต้ 2 ประตู สันนิษฐานว่าอาจได้รับการสร้างเพิ่มเติมภายหลังในสมัยสมเด็จพระเพทราชา

จากการขุดแต่งก่อนบูรณะพบว่าสร้างซ้อนทับอยู่บนรากฐานอิทธิ สันนิษฐานว่าวิหารหลังนี้มีบันไดขึ้นลงทางด้านข้าง ภายหลังการขุดตรวจบริเวณทิศเหนือ ยังพบพื้นลานวัดซึ่งเป็นอิฐลาดปูนโดยรอบ ภายหลังการเสียกรุงครั้งที่ 2 วัดบรมพุทธารามได้กลายเป็นวัดร้างจนถึงปัจจุบัน

 

เครดิตภาพ : จากเฟสบุ๊ค คุณ Sittichok Chanisa
https://www.facebook.com/sittichok.chanisa/media_set?set=a.1601763716535740&type=3
เครดิตข้อมูล : จากหนังสือประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว
https://www.se-ed.com/product/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2.aspx?no=9786169268376
แสดงความคิดเห็น