เจดีย์ วัดกระซ้าย ก่อด้วยอิฐขนาด 30x16x15 cm อิทธิฐานเจดีย์เป็นอิฐขนาดใหญ่ 34×16.5×11.5 เซนติเมตร
ในองค์เจดีย์ ก็เป็นโพรงคล้ายกับวัดนางคำในคลองกุฎีดาว ฐานบัวคว่ำบัวหงายแปดเหลี่ยมซ้อนกัน
เป็นชั้นๆมีซุ้มประตูทางเข้าและมีการเจาะช่องลมโดยรอบเข้าใจว่าข้างในคงจะมีเจดีย์เล็ก
สำหรับปฏิสถานสิ่งสักการะบางอย่าง เดี๋ยวนี้ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็น แต่เดิมเจดีย์คงจะอุดตันเพราะเห็นรอยคนร้ายลักขุดทะลวงตรงคอระฆังด้านบนติดกับบัลลังก์เป็นรูกว้างทะลุลงไปยังโพรงข้างใน หากว่ามีการบรรจุทรัพย์สมบัติไว้ในห้องขององค์เจดีย์ ก็แน่ใจว่าคนร้ายเอาไปกินเสียหมดแล้ว อันข้าวของสมบัติที่บรรจุในเจดีย์ คงจะมีจำนวนมากไม่ใช่น้อย นึกดูแล้วก็เอาเสียดายจนไม่อยากจะคิดถึงต้องรีบลงเสียโดยเร็ว
เจดีย์วัดกระซ้ายถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านแถบชายทุ่งด้านตะวันออกทั่วไป บ้างก็ว่ามีคนลากปืนมายิงนกบนเกาะนี้ยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว หลายรายบอกว่าวันดีคืนดีจะเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวเดินบนคันนาเป็นขบวนใหญ่ตรงเข้าไปเดินประทักษิณรอบองค์เจดีย์ ตรงนั้นน่าจะเป็นเมืองลับแลหรือเมืองพญานาคอย่างใดอย่างหนึ่ง
ว่าถึงองค์เจดีย์เป็นเจดีย์สูงใหญ่ ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งเห็นตระหง่านแต่ไกล
มุมแปดเหลี่ยมตรงฐานเจดีย์วัดได้ด้านละ 4 เมตรเข้าใจว่าเป็นเจดีย์รุ่นผสมระหว่างเจดีย์ลังกากับเจดีย์แบบลพบุรี
คงจะเป็นของมีมาแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยาอาจจะเป็นสมัยอยุธยาตอนปลายก็ได้อุโบสถไม่เหลืออะไร
มีแต่ฐานพบหินศิลาแลงเป็นรากฐานล้วนเป็นศิลาแลงก้อนโตๆทั้งนั้นการก่อเจดีย์เป็นโพรงเช่นนี้เท่าที่เคยเห็นมา
นอกจากวัดนางคำแล้วก็ยังมี วัดสนามชัย วัดสระเหลี่ยง และวัดพระยากง เทคนิคการก่อสร้างชำนาญมาก
ข้างในเป็นโพรงกว้างขวางและวางอิฐเป็นระเบียบเรียบร้อย ผนังเจดีย์ไม่สู้หนาเท่าไหร่นัก
ดูจะเป็นคติเก่าที่เลียนแบบมาจากการก่อสร้างของลพบุรี คือเดิมก่อด้วยดินดิบวางข้างในเป็นโพรง
แล้วเอาไฟสุมเผ่าเจดีย์ทั้งองค์โดยไม่ใช้ปูนสอ ก็จะกลายเป็นเจดีย์อิฐไปทั้งองค์
สมัยต่อมาเมื่อต้องการสร้างเจดีย์ให้มีขนาดใหญ่ ดังเช่นวัดกระซ้ายนี้ก็ยังอาศัยการก่ออิฐไม่สอปูนตามคติเดิม
ซึ่งยังเรียงอิฐข้างในให้มีระเบียบแบบแผน จึงถือว่าเป็นเจดีย์รุ่นเก่าก่อนกรุงศรีอยุธยา
พบพระพุทธรูปหินทรายขาวเกลื่อนกลาดไม่มีเศียรถูกเรามิจฉาชีพเด็ดเอาไปหมดแล้ว
และพบกระเบื้องเชิงชายคารูปร่างแปลกเป็นลายแบบอโยธยาไม่เคยเห็นที่ไหนเลย
เครดิตที่มาข้อมูล : หนังสือห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา น.ณ ปากน้ำ